วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ฉลอง 80 ปีแห่งความเชื่อ วัดแม่พระองค์อุปภัมถ์ อ.พาน

พิธีฉลอง 80 ปี แห่งความเชื่อวัดแม่พระองค์อุปภัมถ์ อ.พาน


ในปีค.ศ.1929 ตรงกับสมัยสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอที่ 11  พระสังฆราช เรอเน แปร์รอส แห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้ส่งคุณพ่อมิราแบล  มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดพระหฤทัยเชียงใหม่
คุณพ่อมิราแบล ได้ถือโอกาสมาแพร่ธรรมที่ อ.พาน จ.เชียงราย ในปี ค.ศ. 1933 โดยมีข้าราชการบำนาญ ชื่อ ขุนวรวิทย์ได้ติดตามมาด้วย การเดินทางในช่วงนั้น ต้องอาศัยรถยนต์โดยสารจากเชียงใหม่มาถึง อ.พาน นั่นเป็นการเดินทางครั้งแรกซึ่งก็พบว่า ศาสนาคริสต์นิกาย โปรแตสแตนต์ได้มาเผยแพร่ศาสนาอยู่ก่อนแล้ว จะเห็นได้จากโบสถ์ที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอย ต. เมืองพาน อ.พาน คุณพ่อมิราแบล ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้าน นายแก้ว ปัญโญ 1 คืน แล้วก็เลยไป จ.เชียงรายเพราะที่นั่นมีคนรู้จักกันดี
จากนั้นในปีเดียวกัน(ค.ศ. 1933) คุณพ่อมิราแบล  ได้ส่งคุณพ่อ นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุงขึ้นมาสานต่องานแพร่ธรรมของท่าน คุณพ่อ นิโคลาส บุญเกิด มาจากเชียงใหม่ โดยถือโอกาสเผยแพร่ศาสนาที่วัด  นักบุญเทเรซา อ.เวียงป่าเป้าก่อน คุณพ่อเดินทางมาพร้อมกับ นายมี ไชยลังการณ์ นายติ๊บ คืนนั้นคุณพ่อและผู้ติดตามได้พักค้างคืนอยู่บ้าน นายแก้ว และนางสิงห์ ปัญโญ
คุณพ่อนิโคลาส ได้รู้จักกับนางสิงห์มาก่อน ในครั้งที่นางสิงห์ ไปค้าขายอยู่ที่ อ.เวียงป่าเป้า คุณพ่อได้พักอยู่ 3 คืน ทุกคืนคุณพ่อได้แปลคำสอนศาสนาคริสต์ตังค์เปรียบเทียบกับคำสอนศาสนาโปรแตสแตนต์ ชี้แจงถึงสาเหตุที่ทั้งสองศาสนาแยกจากกัน ผู้มาฟังเกิดความสนใจ และชื่นชอบในบทเทศน์อันร้อนรนของท่าน  ตอนเช้าคุณพ่อก็ถวายบูชามิสซา แล้วได้เชิญผู้สนใจมาฟังมิสซาด้วย คุณพ่อได้อธิบายถึงความหมายของพิธีมิสซา วันสุดท้ายคุณพ่อได้อวยพรและลาทุกคนไป อ.เวียงป่าเป้า เพราะที่นั่นมีคนกลับใจเป็นคริสต์หลายครอบครัวแล้ว
ต่อมาประมาณ 3-4 เดือน ครูเมืองใจ   อารีราษฎร์ และครอบครัวได้ไปเวียงป่าเป้าเยี่ยมญาติ ครั้งนั้นได้เยี่ยมครอบครัวนายหวั๋น  เบญจวรรณ ซึ่งเป็นครอบครัวคริสตังค์แล้ว ครูเมืองใจ ได้มีโอกาสพบกับคุณพ่อ อ.อาทานาสกับครูเณรปอล  ซาเวรี ครูเณรได้แปลคำสอนให้จึงทำให้เกิดความสนใจและรับปากว่า จะนำเอาไปพิจารณา เมื่อกลับถึงเมืองพานก็นำเอาคำสอนที่ได้รับ มาปรึกษาหารือกับนายโยฮัน  ขันธปรีชา (น้องภรรยา)
นายโยฮัน  ขันธปรีชา  ขณะนั้นมีอาชีพเป็นครูสอนในโรงเรียนอนุบาล “คริสเตียนพานเจริญ” จึงได้ไปชวน นายเก๊ายง วิญญาณ์ ไปดูกิจการศาสนาที่เวียงป่าเป้า ถ้าเห็นสมควรก็จะเชิญ คุณพ่อมาที่อำเภอพานอีกทีหนึ่ง  โดยครั้งนี้จะให้พักอยู่ที่บ้านของเขาเลย ส่วนทางโบสถ์คริสตจักรพาน(โปรแตสแตนต์) ตอนนั้นมี นายก้อน กิติคุณ เป็นผู้ปกครอง(ขึ้นอยู่กับภาคจังหวัดเชียงราย)ได้กีดกันไม่ให้นายโยฮัน  ขันธปรีชา ไปเวียงป่าเป้าและขู่ให้ออกจากครู แต่นายโยฮันไม่วิตก ที่สุดโยฮันและนายเก๊ายง  วิญญาณ์ ก็ได้เดินทางไปดูงานศาสนาที่เวียงป่าเปาอย่างสมใจนึก  พวกเขาเกิดความสนใจ เวลาเกลับมาบ้านก็เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ญาติพี่น้องและกลุ่ม โปรแตนต์ฟัง พอหลายคนเข้าใจและทำการตกลงกันแล้ว พวกเขาก็ได้ไปเรียนเชิญ คุณพ่อนิโคลาส  บุญเกิดมาที่อำเภอ พาน    คุณพ่อ นิโคลาส  บุญเกิด กฤษบำรุง ได้ใช้บ้าน ครูเมืองใจ   อารีราษฎร์ (บิดาลุงรอด  อารีราษฎร์)เป็นที่พักอยู่อาศัยและแปลคำสอน เจ้าของบ้านได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดู และให้ความสะดวกแก่คุณพ่อเป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่คุณพ่อนิโคลาสได้พักอยู่ที่นั่น ท่านได้ตีฆ้องเป็นสัญญาณเตือนให้คนมาฟังคำสอนและหัดร้องเพลง ปรากฏว่ามีผู้สนใจมาและฟังคำสอนมากมายทุกคืน      ส่วนภาคกลางวัน คุณพ่อก็ออกไปเยี่ยมเยียนถึงบ้านชาวบ้าน คุณพ่อเป็นนักจิตวิทยา เป็นนักสังคมที่ดี มีวาทศิลป์เป็นเลิศ  แปลคำสอนครั้งใดมีคนติดใจไม่น้อย คุณพ่อจึงถือโอกาสพักอยู่กับคริสตังค์สำรอง 15 คืน จากนั้นก็กลับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช่เวลาเที่ยวจาริกคริสตังค์ในจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม อำเภอเชียงดาว อำเภอพร้าว อำเภอเวียงป่าเป้าหมุนเวียนกันไปอย่างนี้เรื่อยๆ จนสุขภาพของคุณพ่อเสื่อมโทรม
ฯพณฯสังฆราช เรอเนแปร์โรส ได้สั่งให้คุณพ่อ อ.อาทานาส และครูปอล  ซาเวรี ไปเยี่ยมคริสตังค์ที่อำเภอพาน และเวียงป่าเป้าเป็นครั้งคราว  พอคริสตังค์มีจำนวนมากขึ้น จึงโปรดศีลล้างบาปให้คริสตังค์ครั้งแรก 7-8 คน ต่อจากนั้นมีผู้สมัครรับศีลล้างบาปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคุณพ่อ นิโคลาส  บุญเกิด ตลอด 3 ปี ที่ท่านประจำอยู่ที่อำเภอพาน คุณพ่อเดินทางด้วยเท้าเปล่า ไปๆ มาๆระหว่างอำเภอพาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดลำปาง ทุกครั้งต้องนอนค้างคืนในป่า 1 คืนบ้าง 2 คืนบ้างแล้วแต่ระยะทางใกล้หรือไกล ภายหลังสัตบุรุษทราบข่าวว่า คุณพ่อนิโคลาสถูกจำคุกที่บางขวางในข้อหาเผยแพร่ศาสนาคาทอลิก
ต่อมาทางมิสซังได้ส่ง คุณพ่อ(พระสังฆราช) ม.มิแชล อ่อน ประคองจิต มาประจำอยู่อำเภอพานแทนคุณพ่อนิโคลาส คุณพ่อได้ดำริสร้างโบสถ์ ท่านได้ไปขอเงินทุนจากกรุงเทพฯ คุณพ่อได้ปรึกษากับคริสตชน ทุกคนก็ยินดีเสียสละร่วมแรงร่วมใจกันปรับที่ ขุดดิน ตีหิน ใครมีเกวียนก็ไปช่วยบรรทุกเสา ไม้กระดานและอื่นๆ จนสำเร็จเป็นโบสถ์ไม้ 2 ชั้น  ชั้นบนใช้เป็นห้องประกอพิธีทางสาสนา ชั้นล่างใช้เป็นห้องเรียน โดยตั้งชื่อโบสถ์นั้นว่า “โบสถ์แม่พระเป็นที่พึ่ง” (ปัจจุบัน คือบริเวณหอประชุม หน้าอาคารเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนศิริมาย์เทวี)
ต่อมา นายโยฮันและนายยง  วิญญาณ์ ถูกผู้ใหญ่ทางคริสตจักรสอบถามไต่สวน  ทั้ง 2 ได้ถูกคุกคามทางจิตใจ ในที่สุดนายโยฮันก็ลาออกจากครู  คุณพ่อ อ.อาทานาสทราบข่าว รู้สึกเห็นใจ จึงได้รับไปเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเทเรซา อำเภอเวียงป่าเป้า
ในปี ค.ศ.1941 คุณพ่อมิแชล  อ่อน (ยศในขณะนั้น) ได้ย้ายไปประจำอยู่ที่อื่น พระสังฆราชจึงส่งคุณพ่อ เดอร์นี  สรรเพชร มาแทน คุณพ่ออยู่ได้ไม่นานก็ย้ายกลับไป
ต้นปี ค.ศ.1942  ทางมิสซังได้ส่งคุณพ่อ โรเชอโร มาแทน บังเอิญในช่วงนั้นเกิดสงครามบูรพาขึ้นศาสนาคริสต์ถูกเบียดเบียนอย่างหนัก จนหลายครอบครัวทิ้งศาสนาเพราะกลัวถูกฆ่าตาม พอปลายปี ค.ศ.1942 สงครามอินโดจีนได้ระเบิดขึ้น  ประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศสเกิดกรณีพิพาทกัน ดังนั้นในฐานะที่ คุณพ่อ โรเชอโร เป็นชาวฝรั่งเศส คุณพ่อจำเป็นต้องหลบซ่อนตัว  เพื่อหนีการจับกุม คุณพ่อต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ  เหตุการณ์ในตอนนั้น ศาสนาโรมันคาทอลิกในประเทศไทย ถูกต่อต้าน(anti)อย่างหนักทำให้พระสงฆ์ไทยและพระสงฆ์ฝรั่งตลอดจนสัตบุรุษถูกเบียดเบียนอย่างหนัก เพราะเขาอาจจะเข้าใจว่าผู้ที่นับถือศาสนาโรมันคาทอลิกเป็นพวกเดียวกับฝรั่งเศส พระสงฆ์จะต้องระวังตัวอยู่เสมอ ไปไหนมาไหนไม่ได้รับความสะดวก    ระหว่างนั้น พอดี คุณพ่อ อ.อาทานาส มาประจำอยู่วัด น.เทเรซา เวียงป่าเป้า คุณพ่อจึงถือโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนกำลังใจสัตบุรุษอำเภอพาน เป็นครั้งคราว คุณพ่อ อ.อาทานาส ได้สอน ก.ศ.น.(วิชาชีพ) ให้แก่กลุ่มคริสตชน เช่น การสานแห การจับปลา การสานอวน เครื่องมือจับปลาน้ำจืด ฯลฯ    เพื่อคริสตชนจะได้มีรายได้เลี้ยงชีพ หลังสงครามเลิกไม่นาน คุณพ่อโรเชอโร ได้กลับคืนเมืองพานอีกครั้งหนึ่ง(ณ วัดพระมารดาเป็นที่พึ่ง) คุณพ่ออยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไปประจำอยู่ที่อื่น
ปี ค.ศ.1943 พระสังฆราชได้ส่งคุณพ่อ ถาวร กิจสกุลมาแทน  ระยะนั้นอยู่ในภาวะสงคราม คุณพ่อถาวรได้รับความยากลำบากมาก มีการขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม แต่ว่าคุณพ่อมีความศรัทธา มีมานะอดทนดีเลิศ คุณพ่ออยู่ได้ 3 ปี ก็ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ
ปี ค.ศ.1945-ค.ศ.1948 จึงเป็นช่วงที่วัดพระมารดาเป็นที่พึ่งอำเภอพาน ขาดประสงฆ์ดูแลถึง 4 ปี
ปี ค.ศ.1948 คุณพ่อ เมอร์นิเอร์  เจ้าวัดองค์ใหม่ของอาสนวิหารพระหฤทัยเชียงใหม่ ได้ส่งคุณพ่อแวร์ดิแอร์ ชาวเบลเยี่ยม  มาเป็นเจ้าวัดคาทอลิกพาน  แม้ว่า คุณพ่อแวร์ดิแอร์ จะย้ายมาอยู่ใหม่และคุ้นเคยต่อเมืองไทยน้อยมาก แต่ท่านก็ได้พยายามปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีมาก คุณพ่อเป็นผู้ที่มีหัวทันสมัยได้นำความเจริญมาให้เมืองพานเป็นอย่างมาก ท่านได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียน ก่อนเปิดโรงเรียนเป็นทางการ ท่านได้สอนเด็กคริสตังค์เป็นพิเศษ ในสมัยนั้นมีนักเรียนเพียง 7 คนเท่านั้น
ปี ค.ศ.1950 คุณพ่อแวร์ดิแอร์ได้สร้างโรงเรียนขึ้น 1 หลัง ได้เปิดโรงเรียนเป็นทางการ และตั้งชื่อว่าโรงเรียนสุรารักษ์  ทำการสอนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.4 ต่อมาปี ค.ศ.1951 คุณพ่อได้ซื้อโอนกิจการโรงเรียนสิทธิศาสตร์ศึกษาจากนางจันมรา  สิทธิเลิศ ซึ่งเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 โดยมีนางสายอรุณ  สุนทรสวัสดิ์ เป็นครูใหญ่   คุณพ่อได้รื้อโรงเรียนนั้นมาสร้างรวมกับโรงเรียนสุรารักษ์  แล้วให้ชื่อโรงเรียนใหม่นี้ว่า “โรงเรียน ศิริมาตย์เทวี” คุณพ่อแวร์ดิแอร์ ต้องประสบปัญหายุ่งยากเกี่ยวกับครูและนักเรียนอย่างหนักหน่วงบางครั้งมีคนมาเสนอแนะให้ยุบชั้นมัธยมเสียแต่คุณพ่อไม่ยอม ยังคงพยายามทำต่อไป จากนั้นปัญหาที่ตามมาคือ ห้องเรียนคับแคบ ไม่พอกับจำนวนนักเรียน ตอนแรกใช้โบสถ์หลังเก่าเป็นห้องเรียน ต่อมาได้รื้อมาสร้างโบสถ์ใหม่ที่ริมถนนพหลโยธินชั่วคราว โดยสร้างห้องเรียนเป็นอาคารชั้นเดียว ก่ออิฐก่อปูน พอแก้ปัญหาห้องเรียนไปได้บ้าง   ในเวลาเดียวกัน ได้รื้ออาคารเรียนที่ทำด้วยไม้ (สมัยเป็นโรงเรียนสุรารักษ์) สร้างเป็นอาคารเรียน 2 ชั้นแทน คุณพ่อสร้างยังไม่ทันเสร็จ ก็ต้องย้ายไปประจำที่อื่น  เนื่องจากว่าทางศาสนาได้เปลี่ยนการปกครองของแต่ละมิสซัง  โดยมีมติกันว่า มิสซังเชียงใหม่ แต่เดิมขึ้นกับมิสซังต่างประเทศ บัดนี้ ให้ขึ้นกับคณะสงฆ์เบธาราม โดยมี ฯพณฯลูเซียน  ลาก๊อสต์ เป็นประมุข องค์แรก(อดีตพระสังฆราชมิสซังต้าลี้ ประเทศพม่า)
ฯพณฯแบร์นาร์ด  ลูเซียน  ลาก๊อสต์  ได้ส่งคุณพ่อ เตรสซี่ (ชาวอิตาเลียน) มาที่เมืองพาน แม้คุณพ่อจะอายุมากแล้วท่านก็ยังแข็งแรงใจดี ชอบทำงาน ท่านเก่งในด้านช่างไม้ ชอบซ่อมแซม ทำโต๊ะเรียน และสร้างอาคารเรียนเป็นเรือนไม้อีก 1 หลัง เนื่องจากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดาย คุณพ่ออยู่ได้เพียง 2 ปี ก็ถูกย้ายไปอยู่เชียงใหม่เพื่อช่วยงานพระสังฆราช
ต่อมา คุณพ่อ คาร์โล  ลุสซี่ ได้มาเป็นเจ้าอาวาสแทน (ขณะนั้นอายุได้ 24 ปี เท่านั้น)ซึ่งตรงกับปี  ค.ศ. 1961 คุณพ่อลุสซี่  ได้ทำการต่อเติมวัดให้ยาวและสูงกว่าเดิม ได้สร้างบ้านพักพระสงฆ์ที่คงทนถาวร คุณพ่อมิได้หยุดแค่นั้น  แต่ยังอุตส่าห์บูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงให้ดูดีอยู่เสมอ ซึ่งท่านได้ประจำอยู่ที่วัดคาทอลิกพาน นานถึง 11 ปี คุณพ่อได้ทำให้โรงเรียนศิริมาตย์เทวี ติดอันดับ 1 ของจังหวัดเชียงรายทั้งในด้านการกีฬา การศึกษา และระเบียบวินัย
คุณพ่อ คาร์โล  ลุสซี่ ได้สร้างผลงานและความเจริญไว้ที่วัดคาทอลิกพาน มากมายจึงถือได้ว่าวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ (วัดคาทอลิกพาน) เป็นวัดแม่ของวัดแม่พระบังเกิด  จังหวัดเชียงราย  เป็นวัดแม่ของวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล  อำเภอเชียงคำ   และเป็นวัดแม่ของวัดนักบุญยอห์น อัครสาวกจังหวัดพะเยา ตามลำดับ
ปี ค.ศ.1973-ค.ศ.1975 คุณพ่อ แปร์ลินี ย้ายมาแทนคุณพ่อลุสซี่เป็นเวลา 2 ปี ท่านได้โปรดศีลล้างบาปแก่หลายคนและบางคนในหมู่บ้านเนินสมบูรณ์ อ.ป่าแดด ด้วย ต่อมาในปี ค.ศ.1976 คุณพ่อ ซีริล นิพจน์ เทียนวิหาร ได้ย้ายจากวัดพระหฤทัยเชียงใหม่  มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพาน เป็นเวลา 3 เดือน แต่เนื่องจากคุณพ่อ มีงานประจำด้านสังคมพัฒนา พระสังฆราชโรเบิรต์ รัตน์  บำรุงตระกูล จึงให้คุณพ่อไปประจำอยู่ที่วัดนักบุญยอแซฟ อำเภอแม่ริม ณ ที่นั้นคุณพ่อได้จัดตั้งศูนย์ฝึกครูคำสอนของสังฆมณฑลและเป็นผู้อำนวยการศูนย์สังคมพัฒนาอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
ค.ศ.1977 พระสังฆราช โรเบิร์ต รัตน์ บำรุงตระกูล ได้ส่งคุณพ่อดำรง บุญรติวงศ์ (กังก๋ง) จากมิสซังราชบุรีขึ้นมาประจำที่วัดพาน ใน 3 ปีแรก คุณพ่อได้วิ่งหาเงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาท เพื่อสร้าง “ตึกฟาติมา”ซึ่งสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1980   ต่อมาอีก 3 ปี คุณพ่อก็วิ่งหาเงินอีก 3 ล้านบาท เพื่อสร้าง “ตึกดอมินิก” ซึ่งใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี ระหว่างนั้นได้สร้างสนามวอลเล่ย์บอลใหม่ ทำถนนคอนกรีตเสริมเหล็กจากถนนใหญ่ถึงตัวอาคาร   คุณพ่อดำรง ได้สร้างถ้ำแม่พระเมืองลูร์ดหน้าหอระฆัง  เทคอนกรีตสนามบาสเก็ตบอลหน้าอาคารมัธยม สนามตะกร้อ ต่อมาปี ค.ศ. 1985 คุณพ่อได้สร้างและดัดแปลงตึกอนุบาลให้สวยงาม หลังจากสร้างทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อก็จากพานไปอยู่ที่อาสนวิหารแม่พระบังเกิดบางนกแขวก ในต้นปี ค.ศ.1986  ตลอดเวลา 9 ปี ที่อยู่อำเภอพาน คุณพ่อได้โปรดศีลล้างบาปให้กับเด็กและผู้ใหญ่รวม 133 คน นับว่าคุณพ่อได้นำความเจริญมาสู่วัดพานมิใช่น้อย
ค.ศ.1986 คุณพ่อดำรัส  ลิมาลัย จากมิสซังราชบุรี ได้มาดูแลวัดคาทอลิกพาน เป็นเวลา 1 ปี คุณพ่อได้เน้นงานอภิบาลงานอบรมเด็กดอมินิก และเด็กเทเรซาอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะทุกอย่างเพิ่งสร้างแล้วเสร็จ คุณพ่อดำรัส  ลิมาลัย อยู่ที่นี่ได้ 1 ปี ก็ย้ายกลับไปดำรงตำแหน่งอธิการบ้านเณรเล็กราชบุรี มิสซังได้ส่งคุณพ่อปรีชา  พลอยจินดา มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพานแทน คุณพ่อประจำอยู่ที่พาน 3 ปี (ค.ศ.1987-ค.ศ.1990) คุณพ่อได้ซ่อมแซมอาคารเรียนตึกจุดต่างๆ ทั้งก่อสร้างสนามตะกร้อและซ่อมแซมไฟฟ้าเอง เพราะคุณพ่อเป็นช่างอยู่แล้ว
ค.ศ.1990 – ค.ศ. 1994 คุณพ่อยออากิม  เจษฎา  บุญรติวงศ์ ย้ายจากราชบุรี มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคาทอลิพาน ตลอดเวลา 4 ปี คุณพ่อได้สร้างสนามวอลเล่ย์บอล หลังอาคารประถม 1 หลัง ได้สร้างศาลาเอนกประสงค์ข้างบ้านพักพระสงฆ์ 1 หลัง เพื่อใช้ในกิจการต่างๆ ของวัด ได้สร้างโรงยิมนาสติกอีก 1 หลัง สำหรับนักเรียนเล่นพลศึกษาและใช้เป็นสนามสอบไล่  ได้สร้างโรงรถอีก 1 หลัง
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1994 มีการเลี้ยงต้อนรับคุณพ่อเจ้าอาวาสองค์ใหม่  คือ คุณพ่ออันตน ธนัย  สุวรรณใจ และอำลาเจ้าอาวาสวัดองค์เก่า คุณพ่อ ยออากิม เจษฎา บุญรติวงศ์ คุณพ่อได้ย้ายจากวัดเมืองพานเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ต่อมาในปี ค.ศ.1996 – ค.ศ. 1999 คุณพ่อสุรสิทธิ์  ชุ่มศรีพันธุ์ มาจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้มาดูแล โบสถ์แม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย เป็นเวลา 3 ปี คุณพ่อได้สร้างโบสถ์นักบุญยอแซฟ บ้านเนินสมบูรณ์ ต.ห้วยลาน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
ในปี ค.ศ.1999 – ค.ศ. 2000 คุณพ่อปิยะ  โรจนะมารีวงศ์  มาจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ ฯ ได้มาดูแลแทนคุณพ่อสุรสิทธิ์   ชุ่มศรีพันธุ์ที่โบสถ์แม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงรายเป็นระยะเวลา 2 ปี คุณพ่อได้ปรับปรุงและซ่อมแซมภายในโบสถ์แม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย อย่างสวยงาม คุณพ่อปิยะ  โรจนะมารีวงศ์ ร่วมกับคณะวินเซนต์เดอปอล ได้ขุดบ่อบาดาลให้กับชาวบ้าน ในหมู่บ้านผาแดง หมู่ 1 ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย จากนั้นคุณพ่อก็ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่
ในปี ค.ศ. 2000 – 2008 คุณพ่อดุรงค์ฤทธิ์   กระบวนศิริ มาจากสังฆมณฑลเชียงใหม่ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย และเป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนศิริมาตย์เทวี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม  ค.ศ.2000 ซึ่งมีซิสเตอร์คณะอุร์สุลิน มาช่วยดูแลโรงเรียนด้วยได้แก่ ซิสเตอร์อรศรี  มนตรี และซิสเตอร์รัชนี  ดีสุดจิตเป็นผู้จัดการและครูใหญ่โรงเรียนศิริมาตย์เทวี  คุณพ่อดุรงค์ฤทธิ์  กระบวนศิริ ท่านได้ปรับปรุงและซ่อมแซมโบสถ์ต่างๆ ได้แก่โบสถ์คาทอลิกนักบุญเปโตร บ้านวังอวน หมู่ 6 ต. สันมะค่า อ.ป่าแดด จ.เชียงราย และได้ปรับปรุงหอระฆัง ระเบียงหน้าโบสถ์แม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย ทำถนนคอนกรีตทางเข้าสู่สุสาน ของวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย ได้สร้างอนุสาวรีย์ บุญราศีบุญเกิด กฤษบำรุง พระสงฆ์และมรณสักขีหน้าวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ อ.พาน จ.เชียงราย ต่อมาคุณพ่อท่านได้รวบรวมทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธาสร้างโบสถ์คาทอลิกแม่พระรับสารฯ บ้านผาแดง หมู่ 1 ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย และได้ก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจการเกษตรเพื่อการผลิต บ้านผาแดง หมู่ที่ 1 ต.สันกลาง อ.พาน จ.เชียงราย    คุณพ่อได้สร้างอาคารเรียนพระแม่มารีย์ (เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.2005(พ.ศ.2548)จนถึง 15 กันยายน ค.ศ.2006 (พ.ศ.2549)   ตลอดเวลาที่อยู่วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ คุณพ่อท่าน  เน้นงานอภิบาลกับบรรดาสัตบุรุษดังนายชุมพาบาลดูแลฝูงแกะอย่างเอาใจใส่ ได้โปรดศีลล้างบาปแก่เด็กและผู้ใหญ่  เตรียมเยาวชนชายผู้มีความสนใจที่จะเป็นพระสงฆ์ในอนาคต (บ้านเณรดอมินิก)  นับว่าคุณพ่อได้นำความเจริญมาสู่วัดพานเป็นอย่างมาก
ต่อมาปี ค.ศ. 2008 – 2012 คุณพ่อเจริญ    นันทการ ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์และได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนศิริมาตย์เทวี และคุณพ่ออุทัย พาแฮ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ ท่านได้มาดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่ (บ้านเณรดอมินิก) มีซิสเตอร์คณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี มาช่วยดูแลโรงเรียนด้วยได้แก่ ซิสเตอร์วารุณี  ลออสิทธิภิรมย์ อธิการ  ซิสเตอร์วันเพ็ญ  ไชยเผือก  ผู้อำนวยการ – ครูใหญ่โรงเรียนศิริมาตย์เทวี และซิสเตอร์สายสุดา   ดีไชยรัมย์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนศิริมาตย์เทวี คุณพ่อเจริญ ท่านได้ทำการปรับปรุงวัดซึ่งหลังคาได้ชำรุดและมีอายุมานานปี แต่ยังคงรูปลักษณ์เดิม เพราะเห็นว่าของเดิมออกแบบได้สวยงามอยู่แล้ว คุณพ่อเจริญได้ก่อตั้งชมรมผู้สูงอายุ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2009 และได้มีการฉลองครบรอบ 75 ปีแห่งความเชื่อ วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์พาน ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.2009 และใน ค.ศ.2009 คุณพ่อศราวุธ แฮทู ได้มารับหน้าที่แทนคุณพ่ออุทัยพาแฮในเรื่องการดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่ และซิสเตอร์แพงศรี ประทุมตรีมารับหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงเรียนศิริมาตย์เทวีแทนซิสเตอร์สายสุดา ดีไชยรัมย์
ในปี ค.ศ.  2013 – 2015 คุณพ่อดุรงค์ฤทธิ์ กระบวนศิริ ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์และได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนศิริมาตย์เทวี ผู้จัดการโรงเรียนท่านทำหน้าที่เป็นเลขาพระสังฆราช และเลขาธิการสังฆมณฑลเชียงใหม่ คุณพ่อสันติ ยอเปยได้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ และผู้อำนวยการโรงเรียนศิริมาตย์เทวี คุณพ่อวิบูรณ์ ลิขิตธรรม ดำรงตำแหน่งอธิการบ้านเณร ดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่และมีสังฆานุกรไวพจน์ บุญสวัสดิ์รักษา ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่
ปี ค.ศ.  2015 – ปัจจุบัน คุณพ่อดุรงค์ฤทธิ์ กระบวนศิริ เป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระองค์อุปถัมภ์และได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนผู้รับใบอนุญาต  ผู้จัดการโรงเรียน  ผู้อำนวยการโรงเรียนศิริมาตย์เทวี และอธิการบ้านเณรดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่ และวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 คณะธรรมทูตไทยและสังฆมณฑลเชียงใหม่ ได้จัดพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่ คือคุณพ่อเปโตร ไวพจน์ บุญสวัสดิ์รักษา ที่วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ พาน โดยมีพระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์วีระ อาภรณ์รัตน์ เป็นประธานในพิธี และคุณพ่อไวพจน์ บุญสวัสด์รักษา ได้ดำรงตำแหน่งรองอธิการบ้านเณร ดูแลอบรมสามเณรจิ๋วมิสซังเชียงใหม่
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วัดแม่พระองค์อุปถัมภ์ พาน ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ เป็นผลมาจากแรงศรัทธาอันแรงกล้า พระสงฆ์ทุกท่านล้วนแต่ได้ทุ่มเทชีวิตและใจที่มุ่งมั่น เพื่อประกาศความเชื่อที่มีต่อพระเป็นเจ้า และจากการเสียสละอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีนักบวชคณะต่างๆ พี่น้องสัตบุรุษที่เป็นแรงสนับสนุนช่วยแบ่งเบาภาระ รวมไปจนถึงการยึดมั่นในความเชื่อของพี่น้องสัตบุรุษวัดเมืองพานแห่งนี้ ที่สืบทอดกันมาอันยาวนาน ส่งมอบมรดกแห่งความเชื่อต่อเนื่องกันมา และจะคงรักษาไว้ให้ชนรุ่นต่อไป



ขอแม่พระองค์อุปภัมถ์ของชาวเรา ช่วยวิงเพื่อลูกๆ ของท่านเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น